สรรพคุณทางสมุนไพรไทย
ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเปลือกของผลที่โตเต็มที่ มีรสฝาด
ใช้เปลือกผลแห้ง 1 ส่วน 5 หรือ 1 ส่วน 4 ของผล ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆ
รับประทานครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 1-2 ครั้ง หรือใช้เปลือก ของผลต้มกับน้ำปูนใสดื่มแต่น้ำ การรับประทานเช่นเดียวกับที่ใช้ฝนกับน้ำปูนใสใช้บรรเทาอาการท้องเสีย การที่เปลือกของผลทับทิมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้เพราะว่ามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารฝาดาสมาน
นอกจากนี้ยังใช้รักษาน้ำกัดเท้า โดยใช้เปลือกผลทับทิมฝนกับน้ำสะอาดให้ข้นๆ ใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า วันละ 4-5 ครั้งจนกว่าจะหาย
ประโยชน์
เปลือกทับทิม
ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเปลือกของผลที่โตเต็มที่ มีรสฝาด
ใช้เปลือกผลแห้ง 1 ส่วน 5 หรือ 1 ส่วน 4 ของผล ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆ
รับประทานครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 1-2 ครั้ง หรือใช้เปลือก ของผลต้มกับน้ำปูนใสดื่มแต่น้ำ การรับประทานเช่นเดียวกับที่ใช้ฝนกับน้ำปูนใสใช้บรรเทาอาการท้องเสีย การที่เปลือกของผลทับทิมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้เพราะว่ามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารฝาดาสมาน
นอกจากนี้ยังใช้รักษาน้ำกัดเท้า โดยใช้เปลือกผลทับทิมฝนกับน้ำสะอาดให้ข้นๆ ใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า วันละ 4-5 ครั้งจนกว่าจะหาย
ประโยชน์
ผลทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวานทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำทับทิมมีวิตามินซีสูงและยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูงเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมากสามารถลดภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลังและความงาม ดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงและช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น เปลือกทับทิมรักษาโรคท้องเดินและโรคบิด
เปลือกทับทิม
จากการศึกษาวิจัยพบว่าในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม มี Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูงสารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้